WELLCOME TO IT FOCUS

วันจันทร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

สัมภาษณ์คุณกฤตธี มโนลีหกุล กับภารกิจพาเว็บไซต์อันดับหนึ่ง Sanook เข้าสู่ยุคใหม่



เมื่อพูดถึงเว็บไซต์อันดับหนึ่งของประเทศไทย หลายคนคงนึกถึง Sanook.com เว็บไซต์ท่า (portal) เบอร์ต้นๆ ที่เพิ่งมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่หลังจาก Tencent ยักษ์ใหญ่วงการดิจิทัลของจีนทุ่มเงินกว่า 10.5 ล้านเหรียญเข้าถือหุ้นส่วนเกือบครึ่งหนึ่งไปเมื่อปี 2010





ด้วยพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบันที่เปลี่ยนไปมากจากการเข้ามาของอิน เทอร์เน็ตความเร็วสูงบนมือถือ และสมาร์ทโฟน ทำให้ยักษ์จากยุคเว็บไซต์เดสก์ท็อปอย่าง Sanook ต้องปรับตัวอย่างมาก หนึ่งในการเคลื่อนไหวสำคัญคือการแต่งตั้งคุณกฤตธี มโนลีหกุล ผู้เคยทำงานร่วมกับซัมซุงสำนักงานใหญ่ และบริษัทท่องเที่ยว Expedia ที่ฮ่องกงมารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการแผนกเนื้อหา และบริการของ Sanook ซึ่งครอบคลุมในส่วนของเว็บไซต์ท่า ส่วนมือถือ และแอพ รวมถึงโฆษณา


เดือนกรกฎาคมนี้นับเป็นการครบรอบหนึ่งปีตั้งแต่คุณกฤตธีรับตำแหน่งมา ทางเราจึงถือโอกาสไปพูดคุยเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลง และแผนการณ์ในอนาคตของ Sanook ว่าเป็นอย่างไรบ้างครับ





การเปลี่ยนแปลงของ Sanook


ตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา หลายคนคงติดภาพของ Sanook ในฐานะของเว็บไซต์ท่าผู้รวมเนื้อหาหลายอย่างมาโดยตลอด และนั่นคือสิ่งที่ Sanook ในตอนนี้มองว่าต้องเปลี่ยน เปลี่ยนจากบริษัทที่มีภาพลักษณ์เป็นเนื้อหานำ ไปสู่บริษัทที่ใช้เทคโนโลยีนำหน้า


เหตุผลที่ Sanook ตั้งเป้าจะเป็นบริษัทเทคโนโลยีเนื่องมาจากการบริโภคเนื้อหาของผู้ใช้ใน ปัจจุบันที่เปลี่ยนไปอย่างมาก ทั้งอุปกรณ์เข้าถึง และวิธีการที่หลากหลายกว่าในอดีต หากมีเพียงแต่เนื้อหาอย่างเดียว จะไม่สามารถตอบโจทย์ได้เพียงพอ จึงต้องนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาเป็นตัวช่วยในการทำให้เนื้อหาในมือไปได้ไกลที่ สุด


การจะพลิกบริษัทจากหน้ามือเป็นหลังมือไม่ใช่เรื่องง่าย แม้ในตอนนี้ Sanook มีทั้งแรงสนับสนุนจาก Tencent ก็ตาม ภายในจึงมีการสร้างแนวคิดให้พนักงานสร้างนวัตกรรมด้วยโมเดลที่คล้ายกับกู เกิล คือใช้เวลาว่างทำโปรเจคขึ้นมา


แม้จะมีการกระตุ้นจากภายใน แต่การจะเป็นบริษัทเทคโนโลยีได้ จำนวนแรงงานไอทีในปัจจุบันก็ยังไม่เพียงพอ Sanook จึงเลือกเข้าไปให้แนวคิดกับนักศึกษาเพื่อชักจูงให้สนใจในนวัตกรรม รวมถึงไปเป็นสปอนเซอร์ให้กับงานสายนักพัฒนาอย่าง Web Wednesday อีกด้วย จนถึงปัจจุบัน Sanook มีพนักงงานส่วนไอที และไม่ไอทีในอัตราส่วน 50/50 แล้ว


เป้าหมายใหม่ของ Sanook


Sanook ในตอนนี้ถือว่ามีแบรนด์แข็งมากในประเทศไทย โดยเฉพาะในกลุ่มวัยทำงาน เป้าหมายต่อไปคือการรุกไปยังกลุ่มเป้าหมายใหม่ ด้วยวิธีใหม่ และคู่ค้ารายใหม่


เริ่มต้นกันด้วยวิธีใหม่ของ Sanook จากเดิมที่เป็นแหล่งรวมข่าว อนาคต Sanook จะมีบริการของตัวเองมากขึ้น ตั้งแต่ข่าวที่เขียนเอง เปิดเซคชันใหม่เพื่อตอบสนองกับกระแส รวมถึงบริการใหม่ๆ ซึ่งส่วนที่เน้นตอนนี้มี 4 กลุ่มใหญ่ๆ ดังนี้
ส่วนคอนเทนต์ ทั้งเนื้อหาแบบเดิม และเนื้อหาแบบใหม่ (Sanook เรียกตรงนี้ว่าเพลย์) รวมถึงข่าวภาษาต่างประเทศที่จะเริ่มในเดือนกันยายนนี้
บริการแบบเรียลไทม์ ทั้งเกาะติดกระแส รายงานสด และทีวีที่เพิ่งเพิ่มเข้ามา
WeChat แอพแชทจาก Tencent ที่ทุ่มโปรโมตในปัจจุบัน
บริการใหม่ๆ และแอพ เช่น Trendzap เว็บไซต์รวมร้านอาหารที่อนาคตจะมีบริการจองร้านอาหารเข้ามา


กลุ่มผู้ใช้ใหม่ที่ Sanook เล็งอยู่ในตอนนี้คือนักเรียน นักศึกษาก่อนวัยทำงาน วิธีที่ใช้คือการเปิดเซคชันมหาวิทยาลัย (Campus) ที่รวมไลฟ์สไตล์ในรั้วมหาวิทยาลัย แหล่งบันเทิงที่วัยรุ่นสนใจอย่างเดอะสตาร์ จากการจับมือกับแกรมมี่ และอคาเดมี่ แฟนตาเซีย จากการจับมือกับทรู ซึ่งการหาพาร์ทเนอร์รายใหม่ๆ ก็เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์สำคัญของ Sanook เช่นกัน


ในทางธุรกิจเอง การทำเงินจากเนื้อหาเหล่านี้ยังต้องมาจากโฆษณาดังเดิม แต่บริการใหม่อย่าง Trendzap ก็หวังว่าจะสามารถทำเงินจากการจองร้านอาหารได้ (แม้ว่าจะไม่ใช่เร็วๆ นี้ก็ตาม) ส่วนทางฝั่ง WeChat จะเน้นไปที่ Official Account และเกมเป็นส่วนใหญ่ โดยมีรายได้จากสติ๊กเกอร์บ้าง แต่ไม่ใช่ส่วนที่หวังมาก


คู่แข่งของ Sanook


จากแรงสนับสนุนของ Tencent และแนวทางเปลี่ยนบริษัทไปสู่บริษัทเทคโนโลยี ทำให้คู่แข่งของ Sanook เปลี่ยนไปอย่างมาก จากเดิมที่เป็นเว็บไซต์ท่าขนาดใกล้เคียงกันในประเทศ ก็จะกลายเป็นบริษัทเทคโนโลยีในระดับนานาชาติแทน


ระหว่างสัมภาษณ์เราได้ถามถึงการที่ Sanook จะก้าวไปเป็นคู่แข่งกับเว็บไซต์ระดับโลกอย่างเฟซบุ๊ก หรือกูเกิล แต่คุณกฤตธีบอกว่าด้วยขนาดของ Sanook ในตอนนี้แม้จะใหญ่จนไม่อาจเรียกว่าเว็บไซต์ท้องถิ่นได้แล้ว แต่ก็ยังไม่ใหญ่จนถึงระดับโลกเช่นกัน การจะเป็นคู่แข่งกับยักษ์ไอทีอย่างเฟซบุ๊กหรือกูเกิลจึงเป็นเรื่องไกลตัว เกินไป (ถ้าถามในมุมของ Tencent อาจจะใช่)


แนวทางที่ Sanook เลือกมาใช้กับสองยักษ์ใหญ่ที่ถูกมองว่าดึงผู้ใช้ออกไป คือการดึงผู้ใช้กลับมาเสียมากกว่า โดยเฉพาะในส่วนของเฟซบุ๊ก ส่วนฝั่งกูเกิลเองถึงจะทำให้ยอดคนเข้าหน้าแรกตกลงไป แต่ก็ทำให้มีผู้ใช้เข้ามาในหน้าอื่นมากขึ้นเช่นกัน แม้จะขัดกับแนวคิดเดิม (ที่ว่าหน้าแรกสำคัญสุด) แต่มองในแง่ของการลงโฆษณาแล้วนับว่าดีขึ้น และเป็นสิ่งที่ Sanook ต้องปรับตัวต่อไป


นอกจากสองยักษ์ใหญ่ที่ว่า ยังมีบริการยิบย่อยของ Sanook ที่มีคู่แข่งทั้งภายใน และนอกประเทศอยู่พอสมควร แต่ทาง Sanook เองก็ยังมีจุดแข็งอยู่ทั้งในแง่ของแบรนด์ และเรื่องของภาษาที่ทำให้บริการจากต่างประเทศเจาะมาไม่เข้า





ทิศทางของ WeChat ในประเทศไทย


เกริ่นคร่าวๆ ก่อนว่า WeChat เป็นบริการแชทจาก Tencent ที่หลายคนน่าจะเห็นจากในโฆษณาทั้งออฟไลน์ และออนไลน์กันไปแล้ว โดยในประเทศไทย Sanook ได้รับมอบหมายให้ดูแลทางด้านธุรกิจของ WeChat โดยตรง


ผู้ใช้ WeChat ในประเทศตอนนี้เพิ่มขึ้นมาก แม้จะยังเป็นเบอร์สองรองจาก LINE แต่ทาง Sanook เชื่อว่าตลาดตรงนี้จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีประเทศข้างเคียงที่ WeChat ได้รับความนิยมอยู่มาก ในตลาดโลกก็มีสเปน อิตาลี และแอฟริกาใต้ที่มาเป็นเบอร์หนึ่งแบบทิ้งขาด นอกนั้นก็อยู่ในอันดับ 1-3 ยอดรวมในตลาดโลก (แบบไม่นับจีน) ก็อยู่ในอันดับที่สอง


สำหรับในประเทศไทย ทาง Sanook ไม่สามารถเปิดเผยจำนวนตัวเลขผู้ใช้ได้ บอกเพียงแค่ว่านับตั้งแต่แคมเปญแรกของ WeChat ในไทย (เดอะสตาร์) ก็มีผู้ใช้เพิ่มขึ้น 400% และเพิ่มขึ้นอีก 60% หลังจากมีโฆษณา Messi ดูจากพรีเซนเตอร์แล้วก็น่าจะเดาไม่ยากว่า WeChat จะเน้นจับกลุ่มผู้ใช้ระดับกลาง-ล่างเสียมากกว่า


การเพิ่มจำนวนผู้ใช้ว่ายากแล้ว การทำให้ผู้ใช้อยู่กับเรายิ่งยากกว่า แนวทางของ WeChat คือเนื้อหาพิเศษจำพวกเกม สติ๊กเกอร์ อีโมติคอน (ซึ่งมีแบบขายแล้ว) และบริการเสริมจาก Official Account ซึ่งเป็นจุดเด่นมาตั้งแต่สมัยเปิดตัวบริการแล้ว


จุดเด่นของ Official Account บน WeChat คือการเป็นมากกว่าแค่ช่องทางสำหรับกระจายข่าวสารแบรนด์ แต่สามารถตอบโต้กับผู้ใช้ได้ด้วย ในไทยเองสามารถสั่งน้ำดื่มช้างได้จาก WeChat แล้ว ในอนาคตจะมีบริการอื่นเข้ามาอีก อันที่ยกตัวอย่างมาแล้วน่าสนใจก็มีธนาคารในจีน ให้ผู้ใช้ WeChat สามารถตรวจสอบข้อมูลบัญชีได้ ที่สำคัญกว่านั้นคือบริการบน WeChat สำหรับแบรนด์นั้นฟรีเกือบทุกอย่างตั้งแต่ สติ๊กเกอร์ ตัวบัญชี และบริการที่ผูกไว้ จะมีค่าใช้จ่ายก็เฉพาะที่แบรนด์ต้องให้ทาง Sanook เข้าไปช่วยจัดการ หรือช่วยพัฒนาเท่านั้น


จากการเข้าไปคุยกับ Sanook ครั้งนี้ ต้องยอมรับเป็นงานหนัก แต่น่าสนใจจริงๆ สำหรับการเปลี่ยน Sanook ให้กลายเป็นบริษัทเทคโนโลยี ที่ยังไม่มีบริษัทไทยโดดเด่นมากนัก คงต้องจับตาดูกันต่อไปว่า Sanook จะปล่อยของออกมาได้มากแค่ไหนครับ


ที่มา Blognone July 29th, 2013

วันอังคารที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

New Google Map เปิดทดลองให้ใช้แล้ววันนี้ !!

New Google Maps (on Web app)ได้มาพร้อมกับการออกแบบใหม่ทั้งหมด พร้อมเปิดให้ทุกคนพร้อมใช้เเล้ว ..ซึ่งไม่จำเป็นต้องมีอีเมลยืนยันตัวก่อนจะทำการใช้แต่อย่างไร...
Google Maps เวอร์ชันบนเว็ปไซต์ (อย่าสับสนว่าคือแอพฯในสมาร์ทโฟน) ได้มีการปรับอัพเดตเวอร์ชันใหม่เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เราสามารถเข้าไปยัง URL : maps.google.com โดยหน้า Google Maps ด้านซ้ายมือจะมีปุ่มสีฟ้าบอกว่า " Try now " หรือ ลองเล่นได้เดี๋ยวนี้ ตอนนี้เราสามารถเข้าไปเเล้วทำการทดลองเล่นได้เเล้ว หรือจะเข้าไปโดยตรงได้เลยที่ google.com/maps/preview.

New Google Maps ได้มีการปรับเปลี่ยน User Interface และ Effect ต่างๆ ให้มีความสมบูรณ์มากขึ้น แต่ผู้ใช้ที่เคยชินกับ Google Maps เวอร์ชันเดิม อาจจะไม่ค่อยชินกับ การควบคุม navigator แบบใหม่นัก อย่างไรก็ตาม New Google Maps เปรียบเสมือเวอร์ชัน Beta ที่ให้ผู้ใช้ทำการทดลอง เพื่อตอบรับ Feedback และนำไปปรับปรุงต่อไป



โดย Hopp เมื่อ : [Thu] - 18/07/2013 16:26:49

วันเสาร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

อีกแล้ว พบช่องโหว่ Java 7 ที่เกิดจากโค้ดของฟีเจอร์ใหม่ใน Java 7

July 21st, 2013 

Java
นักวิจัยด้านความปลอดภัยจากบริษัท Security Explorations ค้นพบช่องโหว่ใหม่ของ Java 7 (มีผลกระทบกับ Java SE 7 Update 25 ซึ่งเป็นตัวล่าสุดด้วย)
ปัญหาอยู่ที่ส่วนของ Reflection API ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามาใน Java 7 แต่กลับเป็นต้นเหตุของรูโหว่ใน Java เป็นจำนวนมาก ช่องโหว่นี้เป็นเรื่องของ data type ที่ต่างกันระหว่าง integer/pointer ซึ่ง Security Explorations บอกว่าเปิดให้ถูกโจมตีแบบง่ายๆ ซึ่งไม่ควรเกิดขึ้นแล้วในยุคนี้
Security Explorations จึงตั้งคำถามกับกระบวนการด้านตรวจสอบความปลอดภัยของออราเคิลว่ามี ประสิทธิภาพมากเพียงใด เพราะปัญหารูโหว่ใน Java ช่วงหลังมาจากโค้ดใหม่ๆ ที่เพิ่มเข้ามาในเวอร์ชันหลังๆ นั่นเอง
รายละเอียดของช่องโหว่ถูกส่งให้กับออราเคิลแล้ว ที่เหลือก็รอแพตช์กันต่อไปครับ
ที่มา -Blognone Infoworld

วันพุธที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

อนาคต Smart Watch กับแบตยืดหยุ่น


[เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th] Smart Watch อุปกรณ์สวมใส่ที่แฝงมากับเทคโนโลยีเสมือนคอมพิวเตอร์ขนาดจิ๋วกำลังจะก้าวมามีบทบาทในชีวิตประจำวันไม่ต่างจากมือถือและแท็บเล็ต ซึ่งเริ่มมีการส่งสัญญาณจากบริษัทชั้นนำถึงการออกสู่ตลาดอย่างเร็วที่สุดในปี 2014 Smart Watch ที่น่าจับตามองมากที่สุดเห็นจะเป็น iWatch จาก Apple ที่นอกจากจะเป็นนาฬิกาข้อมือสุดล้ำแล้วยังเป็นอุปกรณ์ที่พกความยืดหยุ่นมาด้วยเช่นกัน
แบตเตอรี่บนมือถือหรือจะเป็น Smart Watch อย่าง Pebble ล้วนมีลักษณะที่เป็นของแข็งและมีข้อจำกัดเรื่องดีไซน์ ฉะนั้นมันจึงเป็นเรื่องท้าทายสำหรับผู้ผลิต Smart Watch ที่หากหวังจะให้นาฬิกาไฮเทคของคุณมีความโค้งมนได้ล่ะก็ การทำแบตเตอรี่ให้มีความยืดหยุ่นก็ถือเป็นงานยากอยู่พอสมควร อย่างที่เราเคยได้ยินข่าวมาว่า Apple กำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนา iWatch โดยสิทธิบัตรของอุปกรณ์ชนิดนี้ครอบคลุมถึงแบตเตอรี่ที่ผสมผสานเทคโนโลยีความยืดหยุ่นรวมอยู่ด้วย เมื่อเห็นเช่นนี้จึงมีคำถามว่าแบตเตอรี่สามารถทำให้ยืดหยุ่นได้จริงหรือ?

จากคำถามที่หลายคนสงสัย นาย Sascha Pallenberg จึงได้จัดแจงนำเสนอผลงานผ่านคลิปวีดีโออันเป็นแบตเตอรี่ที่ผสมผสานเทคโนโลยีความยืดหยุ่น โค้งงอได้ ที่จะรวมเข้าไปกับแก็ดเจ็ตรุ่นใหม่ๆที่กำลังจะมาถึงในอนาคตอันใกล้นี้ ในการอวดโฉมเทคโนโลยีครั้งนี้แบตเตอรี่มีหลายขนาดทั้งสำหรับ New MacBook Air, โทรศัพท์มือถือ ตลอดจน Smart Watch จอโค้งได้ อีกคุณสมบัติของแบตเตอรี่ยืดหยุ่นนี้สามารถตัด เจาะ ได้โดยไม่เป็นอันตรายและไม่ทำให้อุปกรณ์ทดลองดับลงไปด้วย
ความน่าทึ่งจากแบตเตอรี่ยืดหยุ่นนี้ยังคงต้องได้รับการทดสอบอีกมากจนกว่าจะแน่ใจได้ถึงคุณภาพและความปลอดภัย แต่ก็นับว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีสำหรับแก็ดเจ็ตที่มีรูปร่างโค้งมนในอนาคตทั้งหลายที่จะไม่ต้องกังวลถึงเรื่องแบตเตอรี่อีกต่อไป (ชมคลิปได้ท้ายข่าวครับ)

ชมคลิปได้ที่นี่ค่ะ
http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=z9QWD0haXtU

โดย chutchawal - 17 กรกฎาคม 2556 เวลา 14:03 น.

วันจันทร์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ลุยทุกเส้นทางในไทยพร้อมไปกับ Google Maps 7.0 !!

วันนี้ทาง Google Maps บน Android ได้ออกอัพเดตเป็นเวอร์ชัน 7.0 เเล้วครับ เเละที่น่าดีใจคือ Google Maps Navigation ใช้ในไทยได้แล้ว !!!
Google Maps บน Android ได้อัพเดตเป็นเวอร์ชัน 7.0 เรียบร้อยเเล้ว สิ่งที่สังเกตได้ถึงการเปลี่ยนแปลง คือ User Interface แบบใหม่ มีการหน้าแผนที่ให้เป็นแบบเดียวกับบน iOS (ที่ปล่อยไปตอนเดือนธันวาคมปีที่แล้ว) และเพิ่มความสามารถในการค้นหารายละเอียดบนแผนที่ให้แม่นยำมากขึ้น และ นอกจากนี้ ลักษณะ UI โดยรวมบนแท็บเล็ต จะเหมือนกับ Google Maps บนเว็บไซต์

ด้านการใช้งาน จะมีการเพิ่มฟีเจอร์ในการค้นหาสถานที่ตามหัวข้อที่กำหนดเข้ามาเพิ่มเติม เช่นการค้นหาร้านอาหารที่น่าสนใจและมีดีลเข้ามา (อิงข้อมูลจาก Google Offer) หรือค้นหาโรงแรมที่ใกล้ที่สุดแถวนั้นเป็นต้น นอกจากนี้ส่วนที่ได้รับการปรับปรุงอื่นๆ จะมีในเรื่องของการนำทาง และการเพิ่มรายละเอียดข้อมูลของแต่ละสถานที่ ที่อิงข้อมูลเพิ่มเติมจาก Zagat และ Google Offer ครับ
สิ่งที่น่าเสียดายก็คือในเวอร์ชันนี้ กูเกิลถอดฟีเจอร์ Google Latitude, Google Maps Check-ins และ การดูแผนที่แบบออฟไลน์ ออกไปแล้ว โดยกรณีของ Google Maps Check-ins จะกลับมาให้ใช้งานใน Google+ แทนโดยจะอัพเดตความสามารถเข้ามาในอัพเดตของ Google+ เร็วๆ นี้

อีกหนึ่งข่าวที่น่ายินดีสำหรับประเทศไทยครับ คือ ..Google Maps Navigation หรือการนำทางแบบ Turn-by-Turn สามารถใช้ในไทยได้เเล้วนะครับ เราสามารถใช้ได้ในแอพ Google Maps ทั้งบน iOS และ Android

ปล. Google Maps Navigation นำทางเป็นเสียงภาษาไทยได้ด้วย(ทั้งนี้เพื่อนๆต้องเปลี่ยนตัวเครื่องเป็นการใช้งานภาษาไทยก่อนนะครับ) ไม่เชื่อลองโหลดมาใช้กันครับ
 
โดย Hopp เมื่อ : [Thu] - 11/07/2013 01:30:31

วันจันทร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

Facebook มีไอเดียที่จะเป็นผู้ผลิตเกมบนโทรศัพท์มือถืออีกด้วย

อีกไม่นาน Facebook อาจจะก้าวเข้าสู่ตลาดอุตสาหกรรมเกมบนมือถืออย่างเต็มตัว แทนที่การพัฒนาตัวเกมป้อนเข้าสู่ตลาดแต่เพียงอย่างเดียว ด้วยการทำหน้าที่เป็นผู้จัดจำหน่ายหรือช่องทางที่จะมีการนำเสนอความสามารถในการตลาดและบริการอื่นๆ ที่มีความเป็นอิสระต่อเหล่านักเดเวโหลปเปิร์เกม...
TecSpot เว็ปไซต์แหล่งข่าวกล่าวว่า รายงานดังกล่าวถูกเปิดเผยจาก TechCrunch เมื่อวานนี้ ซึ่งนอกจากจะมีการกล่าวถึงไอเดียการเข้าสู่ตลาดเกมของ Facebook แล้ว สื่อดังกล่าวยังได้เผยรายละเอียดเพิ่มเติมอีกด้วยว่า Facebook จะทำหน้าที่เป็นผู้จัดจำหน่ายและโปรโมทแอพพลิเคชั่นโดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นลูกค้าที่ใช้อุปกรณ์พกพา ซึ่งก็นับเป็นเรื่องที่น่าสนใจเพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา บริษัทได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความสำเร็จในอุตสาหกรรมโฆษณาบนมือถือ ด้วยรายได้ 373 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่รายได้ที่มาจากการซื้อสินค้าเสมือนภายในเกมทำได้เพียงแค่ 200 ล้านเหรียญสหรัฐเท่านั้น 

แต่อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการเป็นผู้จัดจำหน่ายเกมจะเป็นเรื่องที่สร้างกำไรงาม แต่ในทางกลับกัน Facebook ก็ต้องเจออุปสรรคหลายรายการ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือการที่ Facebook ต้องต่อสู้กับช่องการการจัดจำหน่ายที่สร้างขึ้นเองอย่าง Apple App Store และ Google Play ขณะที่อีกหนึ่งอุปสรรคที่น่ากังวลไม่แพ้กันก็คือ การที่ตัวผู้จัดจำหน่ายมีมูลค่ามากกว่านักพัฒนา ซึ่งจะแตกต่างจากจากคอนโซลเกมอย่าง Xbox, PlayStation หรือ PC เพราะตัวโมบายล์แอพนั้นสามารถที่จะเผยแพร่ด้วยตนเองได้อย่างง่าย ซึ่งถ้าตัวเกมทำได้ดี มันก็มักจะเกิดปัญหาตามมาในเรื่องของส่วนแบ่งต่างๆ

ถ้าหากข่าวลือนี้เป็นความจริงขึ้นมา ประกอบกับด้วยความเป็นผู้เชี่ยวชาญของบริษัทในโลกโซเชียลและการโฆษณาบนมือถือเป็นทุนเดิมอยู่เเล้ว ไม่แน่ว่าอาจจะทำให้นักพัฒนาเกมทั้งหลาย หันเหที่จะเเห่กันมาร่วมกิจการนี้ด้วยก็เป็นได้

โดย Hopp เมื่อ : [Wed] - 03/07/2013 12:00:37

วันอังคารที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

IE11 รองรับ WebGL, MPEG DASH, ปรับปรุงระบบสัมผัส, เปิดได้ 100 แท็บต่อหน้าต่าง


Internet Explorerไมโครซอฟท์เผยฟีเจอร์อย่างละเอียดของ Internet Explorer 11 ที่มาพร้อมกับ 
Windows 8.1 (ยังไม่ชัดเจนว่า Windows รุ่นก่อนๆ จะได้อัพเกรดด้วยหรือไม่)
  • เปิด IE คู่กันในโหมดแบ่งจอ (split screen) ของ Windows 8.x ได้แล้ว
  • IE จะแยกแยะข้อความที่เป็นหมายเลขโทรศัพท์บนเว็บเพจได้ และกดโทรออกไปยัง Skype ได้เลย
  • ใช้ GPU ช่วยประมวลผลการสัมผัสหน้าจอของผู้ใช้ ช่วยให้รู้สึกว่าตอบสนองการสัมผัสดีขึ้น
  • แบ่งการประมวลผลรูปภาพไปยัง GPU ช่วยประหยัดแบตเตอรี่ และแสดงผลหน้าเพจได้เร็วขึ้น (เพราะซีพียูประมวลผลเพจอย่างเดียว ไม่ต้องประมวลผลภาพ)
  • เปิดแท็บได้สูงสุด 100 แท็บต่อหน้าต่าง แต่ละแท็บแยกโพรเซสกัน และเลือกเปิด tab bar ค้างไว้ได้
  • ปรับปรุงเรื่องการสัมผัสหน้าจอในหลายส่วน เช่น Favorite, hover-menu บนเว็บเพจ, เพิ่ม back/forward gesture
เว็บแอพที่ปักหมุดเป็น Live Tile สามารถแสดง notification ได้แล้ว ในตัวอย่างเป็นเว็บแอพที่โชว์ RSS
IE Web Apps Windows 8.1
รองรับ WebGL ตามอย่างเบราว์เซอร์อื่นๆ ตามข่าวที่เคยมีออกมาก่อนหน้านี้
IE11 WebGL
รองรับ MPEG DASH (ย่อมาจาก Dynamic Adaptive Streaming over HTTP) หรือการปรับคุณภาพของไฟล์
สตรีมมิ่งผ่านอินเทอร์เน็ต โดยไมโครซอฟท์ระบุว่าเมื่อใช้ร่วมกับเทคโนโลยีเข้ารหัส Web Crypto ของ W3C
จะช่วยให้เปิดบริการสตรีมมิ่งแบบมี right protection โดยไม่ต้องใช้ปลั๊กอินเลย (Netflix ออกบริการรุ่นทดสอบ
ที่ใช้เทคโนโลยีนี้แล้ว)
MPEG Dash
ทั้ง WebGL และ MPEG DASH ยังใช้ได้กับแอพ Metro ที่เขียนด้วย HTML5 ด้วย ในภาพเป็นแอพที่รัน
วิดีโอ MPEG DASH พร้อมกันหลายๆ วิดีโอ รวมถึงรันโมเดล WebGL ด้วย
P1012486
June 27th, 2013 
ที่มา – IEBlog

วันจันทร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

AMD เผยโปรเจคใหม่ "Hybrid Devices" ขุมพลังแห่งอนาคตที่จะมาเติมเต็มชีวิตแบบพกพา



นาย Kevin Lensing ผู้ดำรงตำแหน่ง AMD's Director of Mobility ได้ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์TrustedReviews เกี่ยวกับอนาคตของบริษัทในทิศทางใหม่ที่ไม่เหมือนเดิม ด้วยความที่ตลาดเดสท๊อปก็ขายไม่ดี หนำซ้ำทิศทางของโน๊ตบุ๊คก็กำลังเข้าใกล้จุดอิ่มตัวเข้าไปทุกที ทั้งหมดนี้จึงเป็นที่มาของโปรเจคใหม่ "Hybrid" 

โดยนาย Kevin Lensing ได้ให้คำจำกัดความของ Hybrid Devices ว่า "พวกเราคิดว่า Hybrid นั้นจะเป็นโน๊ตบุ๊คแห่งอนาคต" กับซีพียูรุ่นใหม่ของเราบนสถาปัตยกรรมแบบ SoC(system on chip) ทั้ง “Temash” และ “Kabini” ทั้งคู่จะเข้ามาตอบสนองความต้องการใหม่ๆ ลืมไปซะกับความเชื่องช้าในการบูตเข้าสู่ระบบ การพกพาที่มีขีดจำกัด รวมไปถึงการแสดงผลที่มีคุณภาพต่ำแบบที่เคยเจอมาบนระบบปฏิบัติการ Windows รวมไปถึง iOS และ Android(น่าจะหมายถึงการ์ดจอมีประสิทธิภาพกาก ทำให้แสดงผลภาพ วีดีโอ หรือเกมได้ไม่ลื่นไหลประมาณนั้นครับ)



“Temash” และ “Kabini” จะเข้ามาเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไปจากแท๊บเลตนั่นก็คือ "ความรวดเร็วในการทำงาน" แท๊บเลตของคุณจะแรงเทียบเท่ากับโน๊ตบุ๊ตที่เคยใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งก็เชื่อว่าเทคโนโลยี AMD’s Turbo Dock Technology จะทำให้แท๊บเลตของคุณกลายเป็น “console quality gaming บน mobile device” เลยทีเดียว

27 05 2013
cr:trustedreviews.com