WELLCOME TO IT FOCUS

วันจันทร์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ไมโครซอฟท์จดสิทธิบัตร ผู้โทรออกสามารถแจ้งเบอร์ปลายทางว่าเป็นสายสำคัญได้

Microsoft
ไมโครซอฟท์จดสิทธิบัตร Priority Telephonic Communications ที่กล่าวถึงการระบุสายโทรออกที่เบอร์ปลายทางว่าเป็นสายสำคัญได้ แบบเดียวกับอีเมลที่ผู้ส่งสามารถระบุลำดับความสำคัญ (flag) ว่าอีเมลนั้นสำคัญ เพื่อที่ผู้รับจะได้ไม่พลาดการติดต่อ
สิทธิบัตรนี้ให้รายละเอียดไว้ว่า ผู้โทรออกสามารถระบุความสำคัญระหว่างโทรออก จากนั้นเครื่องฝั่งผู้รับสายจะได้รับ priority trigger จากผู้โทรเข้าและแจ้งเตือนบนหน้าจอพร้อม caller ID สิทธิบัตรนี้ยังระบุว่าระบบนี้รองรับกระทั่งโทรศัพท์ธรรมดา (ต้นฉบับเขียน basic, non-computing telephone) ทั้งสองฝั่ง และเฉพาะผู้ใช้ที่ลงทะเบียนเท่านั้นจึงจะใช้บริการนี้ได้ และ priority trigger ก็สามารถถูกเข้ารหัสได้ แสดงให้เห็นว่าผู้โทรอื่นอย่างนักการตลาดทางโทรศัพท์ (telemarketer) หรือผู้ที่ไม่ประสงค์ดีจะไม่สามารถใช้ประโยชน์จากระบบนี้ได้
ที่มา: Blognone USPTO ผ่าน Engadget
August 12th, 2013 

วันอาทิตย์ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2556

โซนี่เปิดตัวอุปกรณ์รุ่นใหม่ ใช้หน้าจอความหนาแน่นพิกเซลสูงถึง 2098 PPI

ในยุคที่ทุกหน้าจอกำลังแข่งกันเรื่องความละเอียด ตัวแปรที่ถูกพูดถึงบ่อยๆ ก็คือความหนาแน่นพิกเซล ซึ่งบนมือถือรุ่นท็อปจะอยู่ที่ราวๆ 300-400 PPI แต่วันนี้โซนี่เพิ่งเปิดตัวอุปกรณ์ตัวใหม่ที่ใช้หน้าจอความหนาแน่นพิกเซลสูง ถึง 2098 PPI เลยทีเดียว
สำหรับคนที่โดนดักเข้ามาอ่านข่าวนี้แล้ว และคิดว่าต้องไม่ใช่จอมือถือแน่ๆ ละก็ คงต้องเฉลยตรงนี้ว่าคุณคิดถูกแล้วครับ และเจ้าหน้าจอ 0.7″ ความละเอียด 1280×720 พิกเซลที่ว่านี้ ถูกออกแบบมาให้ใช้กับอุปกรณ์ทางการแพทย์ และทางทหาร โดยอุปกรณ์ที่ใช้หน้าจอนี้เป็นจอแสดงผลสำหรับการผ่าตัดแบบส่องท่อนั่นเอง (ดูหน้าตาได้จากที่มา)
ก่อนหน้านี้ทาง Japan Display โชว์หน้าจอความหนาแน่นพิกเซลสูงถึง 651 PPI กันไปแล้ว และในอนาคตอันใกล้นี้ฝั่งมือถือเองน่าจะเริ่มออกจอความละเอียด 2560×1600 พิกเซลมาใช้กับรุ่นท็อปทั้งหลาย ตัวเลขนี้น่าจะพุ่งไปถึง 500+ PPI ได้ไม่ยากครับ
ที่มา – Blognone Sony August 9th, 2013

วันเสาร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2556

Yahoo เตรียมเปลี่ยน Logo ใหม่ !!

หลังจากที่ Yahoo! ไล่ตะคุบกิจการเจ้าเล็กมากมายเป็นว่าเล่น ตอนนี้ก็ถึงเวลาเปลี่ยนแปลงหน้ากากบริษัท นั่นก็คือ Logo ใหม่นั่นเอง ล่าสุด Yahoo! ปล่อยคลิปเผยถึง 30 วัน ก่อนการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว...


Yahoo ก็ได้ออกมาประกาศเปิดตัวแคมเปญโฆษณาใหม่ที่จะใช้ระยะเวลาดำเนินการต่อเนื่องนานถึง 30 วัน มันคือแคมเปญการเปิดตัวโลโก้ใหม่ของบริษัทที่จะเกิดขึ้น แต่แทนที่จะเปิดตัวครั้งเดียวจบ มันก็ไม่น่าตื่นเต้นสิ !! บริษัทได้เลือกที่จะใช้วิธีการค่อยๆ เผยภาพหลุดบางส่วนๆ ให้เราติดตามกัน จนครบ 30 วันตามที่วางแผนไว้ เเละ ถึงวันนั้นก็จะได้รู้สักทีว่า Logo ใหม่ เป็นยังไง ซึ่งวันสุดท้ายที่ทุกคนจะเห็นการเปิดตัวนั่นก็คือ วันที่ 4 กันยายนนี้

รายละเอียดเล็กน้อย สำหรับ Yahoo! New Logo จะถูกออกแบบให้มีความทันสมัยมากขึ้นกว่าเก่า แต่ยังคงซึ่งเครื่องหมายตกใจ และ ใช้สีเดิมไว้.. สีม่วง หลายคนอยากได้สีใหม่ ..( สีม่วงมันเกย์ ใช่มั้ยครับ ??)


ที่มา TechSpot

โดย Hopp เมื่อ : [Thu] - 08/08/2013 15:25:05

วันพุธที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2556

Google เปิดหน้าเว็บ Android Device Manager แล้ว

Google เปิดหน้าเว็บ Android Device Manager แล้ว หลังจากกูเกิลเปิดตัว Android Device Manager บริการสั่งค้นหา ส่งเสียงเรียก และลบข้อมูลในมือถือจากระยะไกล และอัพเดต Google Play Service เพื่อให้รองรับบริการดังกล่าว ล่าสุดเว็บไซต์ The Verge รายงานว่า กูเกิลได้เปิดหน้าเว็บ Android Device Manager แล้ว (ชื่อบริการเป็นภาษาไทยคือโปรแกรมจัดการอุปกรณ์ Android) ใครอยากใช้งานให้เข้าไป ที่นี่ Android Device Manager
Google เปิดหน้าเว็บ Android Device Manager
จากการทดลองใช้ทั้งขณะเชื่อมต่อ wifi และเชื่อมต่อผ่านเครือข่ายมือถือพบว่า ความแม่นยำในการค้นหาตำแหน่ง (ตามที่ระบุในหน้าเว็บ) นั้นประมาณ 17-25 เมตร เมื่อสลับรูปแบบการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตระหว่างไวไฟและเครือข่ายมือถือพบว่ามีบางครั้งที่ระบบค้นหาตำแหน่งใหม่ให้อัตโนมัติ และบางครั้งเมื่อสลับการเชื่อมต่อไปแล้วกระทั่งกดปุ่มค้นหาอุปกรณ์เองแล้วก็กลับหาตำแหน่งไม่พบ ต้องกดปุ่มค้นหาอุปกรณ์หลายครั้งถึงจะเจอตำแหน่ง
ในหน้าเว็บการสนับสนุนการใช้งานของ Google ระบุว่า กรณีอุปกรณ์ออฟไลน์หรือปิดอยู่ Android Device Manager จะไม่สามารถทำให้ส่งเสียงหรือลบอุปกรณ์จนกว่าจะเปิดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต (ผ่านเครือข่ายมือถือหรือผ่านไวไฟ) แต่ผู้ใช้สามารถกดปุ่ม Erase Device (ชื่อปุ่มภาษาไทยคือ ล้างข้อมูลอุปกรณ์) ล่วงหน้าได้ โดยข้อมูลในอุปกรณ์จะถูกลบเมื่อเครื่องกลับมาออนไลน์ นอกจากนั้นหากอุปกรณ์ปิดอยู่บริการนี้ก็จะไม่ทำงานเช่นกัน
ป.ล. เมื่อวานผมเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านเครือข่ายมือถืออยู่พอดี อัพเดตนี้มาแบบไม่แจ้งให้ผู้ใช้ทราบเลย

ที่มา: The Verge , Blognone ภาพประกอบจาก droidsans

วันอังคารที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2556

การ์ดข้อมูล Youtube Channel และสถานะการเล่นวิดีโอ ลูกเล่นใหม่จาก Youtube

การ์ดข้อมูล Youtube Channel และสถานะการเล่นวิดีโอ : ลูกเล่นใหม่ของ Youtube มีคนไปค้นพบโดยเผอิญว่า Googleทำการทดสอบเจ้าการ์ดข้อมูลของ Youtube Channel บนหน้าเว็บ ซึ่งเจ้าการ์ดตัวนี้หน้าจอจะคล้ายๆ กับ Google+ Card นั่นแหละครับ แต่จะเปลี่ยนเป็นข้อมูลของผู้ใช้ Youtube Channel นั้นๆ แทน มันจะแสดงก็ต่อเมื่อเราเอาเม้าส์ไปวางไว้เหนือชื่อผู้ใช้Youtube นั้นๆ โดยในการ์ดจะประกอบไปด้วย Cover ของ Channel, รายละเอียด, ลิ้งค์ Google+, ปุ่ม Subscribe, จำนวนผู้ Subscribe และวีดิโอล่าสุดของ Channel นั้นๆ ซึ่งบางครั้งก็จะโชว์ว่ามีใครใน Circle Google+ เราบ้างที่กด Subscribe ช่องนี้ ตามภาพประกอบด้านล่างเลยฮับ :h_mj1:
Google+ CardGoogle+ Card
โดยเจ้าการ์ดข้อมูลนี้จะแสดงในหน้าค้นหา, วีดิโอแนะนำ, หน้าแรกของวีดิโอ, Channel แนะนำ และหน้าที่มีชื่อผู้ใช้ทั้งหมด
สำหรับเจ้าฟีเจอร์นี้ เราอาจจะยังมองไม่เห็นฮับ แต่ถ้าอยากลอง เรามีวิธีมานำเสนอท่านง่ายๆ ดังต่อไปนี้
  1. เปิดเว็บ youtube.com ในหน้าใหม่
  2. เปิด browser’s developer console ขึ้นมา มือใหม่ทำตามดังนี้:
    • Chrome/Opera 15 – กด Ctrl+Shift+J สำหรับ Windows/Linux/ChromeOS หรือ Command-Option-J สำหรับ Mac
    • Firefox – กด Ctrl+Shift+K สำหรับ Windows/Linux or Command-Option-K หรือ Mac
    • Opera 12 – กด Ctrl+Shift+I สำหรับ Windows/Linux or Command-Option-I หรือ Mac จากนั้นกด “Console”
    • Safari – อ่านบทความนี้
    • Internet Explorer – กด F12 แฃ้วเลือก “Console”
  3. นำโค้ดด้านล่างนี้ไปวางไว้ในช่อง Console เพื่อเปลี่ยน YouTube cookie

document.cookie="VISITOR_INFO1_LIVE=0xJL6SMMUyE; path=/; domain=.youtube.com";window.location.reload();
  1. กด Enter แล้วปิด Console เลยครับ
ซึ่งถ้าลองใช้ไปนานๆ แล้วรู้สึกไม่ชอบ ก็สามารถกลับไปเป็นแบบเดิมได้ โดยทำตามตั้งแต่ขั้นที่ 2 แล้วเมื่อถึงขั้นที่ 3 ให้เปลี่ยนโค้ดเป็น
document.cookie="VISITOR_INFO1_LIVE=; path=/; domain=.youtube.com";window.location.reload();
ก็จะเปลี่ยนกลับมาเป็นเหมือนเดิมครับ
Google+ Card
ส่วนลูกเล่นอีกอันนึงที่ทุกคนน่าจะเห็นกันแล้วก็คือ สถานะการเล่นวิดีโอใน Youtube ซึ่งเจ้านี่จะทำงานก็ต่อเมื่อวิดีโอที่เราเล่นนั้นกำลังเล่นอยู่ ก็จะมีเครื่องหมาย ► ก็จะแสดงอยู่ตรง Titlebar นั่นเอง ฟีเจอร์นี้เหมาะกับคนที่เปิด Tab ไว้หลายๆ อัน ก็จะทำให้ดูง่ายขึ้นว่ากำลังเล่นวิดีโออยู่ Tab ไหนนั่นเองฮับ :h_chr:
Google+ CardGoogle+ Card

6 สิงหาคม 2013

วันเสาร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2556

โบรเคดเสริมแกร่งคอร์เน็ตเวิร์กแดนอิเหนา ตอบโจทย์ยอดใช้งานอินเทอร์เน็ตพุ่ง

บริษัทโบรเคด เปิดเผยว่า สมาคมผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตแห่งประเทศอินโดนีเซีย (Indonesian Internet Service Providers Association หรือ APJII) เลือกใช้เราเตอร์ Brocade® MLXe จำนวน 16 ตัว เพื่อเป็นคอร์เน็ตเวิร์กใหม่สำหรับ Indonesia Internet Exchange (IIX) เพื่อตอบสนองความต้องการใช้งานแบนด์วิธที่เพิ่มขึ้นสูงถึง 10 เท่าในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา คอร์เราเตอร์นี้จะช่วยให้สมาคม APJII สามารถประเมินภาพรวมปริมาณงานและการเชื่อมต่อรายจุด ด้วยแพล็ตฟอร์ม Brocade MLXe ที่รองรับการทำงานอีเธอร์เน็ตระดับ 100 Gigabit Ethernet (GbE)
CharlieFoo_resize
ปัจจุบันสมาคม APJII มีสมาชิก 278 ราย และเพียร์จำนวน 161 เพียร์ ประกอบด้วยบริษัทโทรคมนาคม ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตและคอนเท็นต์ สมาชิกส่วนใหญ่เชื่อมต่อไปยัง IIX ผ่านโปรโตคอล IPv4 มีสมาชิกจำนวน 51 รายที่เชื่อมต่อผ่านโปรโตคอล IPv6 จากข้อมูลสถิติปี 2555 ประเทศอินโดนีเซียมีผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตสูงถึง 63 ล้านคน และข้อมูลเดือนมีนาคม 2556 ยังพบว่าทราฟฟิกอินเทอร์เน็ตโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 10 กิกกะบิตต่อวินาที ซึ่งสูงขึ้นถึง 4 เท่าเมื่อเปรียบเทียบกับเมื่อสองปีก่อน
“คอร์เราเตอร์ Brocade MLXe สำหรับ IIX ได้รับการออกแบบเพื่อให้เน็ตเวิร์กทำงานอย่างต่อเนื่อง พร้อมสถาปัตยกรรมแฟบริกขั้นสูงที่ลดความซ้ำซ้อนของฮาร์ดแวร์ พาวเวอร์ซัพพลาย และระบบระบายความร้อน” ชาร์ลี ฟู รองประธาน บริษัทโบรเคด ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าว
โดยในอนาคตอันใกล้นี้ IIX จะทำงานเต็มประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากคอร์เราเตอร์ Brocade MLXe สามารถรองรับการทำงานของ SDN ผ่านโปรโตคอล OpenFlow ซึ่งช่วยให้การทำงานของเน็ตเวิร์กมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยในการวางแผนเราติ้ง การตรวจจับและแก้ไขข้อผิดพลาดของระบบ

01 สิงหาคม 2013

วันจันทร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

สัมภาษณ์คุณกฤตธี มโนลีหกุล กับภารกิจพาเว็บไซต์อันดับหนึ่ง Sanook เข้าสู่ยุคใหม่



เมื่อพูดถึงเว็บไซต์อันดับหนึ่งของประเทศไทย หลายคนคงนึกถึง Sanook.com เว็บไซต์ท่า (portal) เบอร์ต้นๆ ที่เพิ่งมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่หลังจาก Tencent ยักษ์ใหญ่วงการดิจิทัลของจีนทุ่มเงินกว่า 10.5 ล้านเหรียญเข้าถือหุ้นส่วนเกือบครึ่งหนึ่งไปเมื่อปี 2010





ด้วยพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบันที่เปลี่ยนไปมากจากการเข้ามาของอิน เทอร์เน็ตความเร็วสูงบนมือถือ และสมาร์ทโฟน ทำให้ยักษ์จากยุคเว็บไซต์เดสก์ท็อปอย่าง Sanook ต้องปรับตัวอย่างมาก หนึ่งในการเคลื่อนไหวสำคัญคือการแต่งตั้งคุณกฤตธี มโนลีหกุล ผู้เคยทำงานร่วมกับซัมซุงสำนักงานใหญ่ และบริษัทท่องเที่ยว Expedia ที่ฮ่องกงมารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการแผนกเนื้อหา และบริการของ Sanook ซึ่งครอบคลุมในส่วนของเว็บไซต์ท่า ส่วนมือถือ และแอพ รวมถึงโฆษณา


เดือนกรกฎาคมนี้นับเป็นการครบรอบหนึ่งปีตั้งแต่คุณกฤตธีรับตำแหน่งมา ทางเราจึงถือโอกาสไปพูดคุยเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลง และแผนการณ์ในอนาคตของ Sanook ว่าเป็นอย่างไรบ้างครับ





การเปลี่ยนแปลงของ Sanook


ตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา หลายคนคงติดภาพของ Sanook ในฐานะของเว็บไซต์ท่าผู้รวมเนื้อหาหลายอย่างมาโดยตลอด และนั่นคือสิ่งที่ Sanook ในตอนนี้มองว่าต้องเปลี่ยน เปลี่ยนจากบริษัทที่มีภาพลักษณ์เป็นเนื้อหานำ ไปสู่บริษัทที่ใช้เทคโนโลยีนำหน้า


เหตุผลที่ Sanook ตั้งเป้าจะเป็นบริษัทเทคโนโลยีเนื่องมาจากการบริโภคเนื้อหาของผู้ใช้ใน ปัจจุบันที่เปลี่ยนไปอย่างมาก ทั้งอุปกรณ์เข้าถึง และวิธีการที่หลากหลายกว่าในอดีต หากมีเพียงแต่เนื้อหาอย่างเดียว จะไม่สามารถตอบโจทย์ได้เพียงพอ จึงต้องนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาเป็นตัวช่วยในการทำให้เนื้อหาในมือไปได้ไกลที่ สุด


การจะพลิกบริษัทจากหน้ามือเป็นหลังมือไม่ใช่เรื่องง่าย แม้ในตอนนี้ Sanook มีทั้งแรงสนับสนุนจาก Tencent ก็ตาม ภายในจึงมีการสร้างแนวคิดให้พนักงานสร้างนวัตกรรมด้วยโมเดลที่คล้ายกับกู เกิล คือใช้เวลาว่างทำโปรเจคขึ้นมา


แม้จะมีการกระตุ้นจากภายใน แต่การจะเป็นบริษัทเทคโนโลยีได้ จำนวนแรงงานไอทีในปัจจุบันก็ยังไม่เพียงพอ Sanook จึงเลือกเข้าไปให้แนวคิดกับนักศึกษาเพื่อชักจูงให้สนใจในนวัตกรรม รวมถึงไปเป็นสปอนเซอร์ให้กับงานสายนักพัฒนาอย่าง Web Wednesday อีกด้วย จนถึงปัจจุบัน Sanook มีพนักงงานส่วนไอที และไม่ไอทีในอัตราส่วน 50/50 แล้ว


เป้าหมายใหม่ของ Sanook


Sanook ในตอนนี้ถือว่ามีแบรนด์แข็งมากในประเทศไทย โดยเฉพาะในกลุ่มวัยทำงาน เป้าหมายต่อไปคือการรุกไปยังกลุ่มเป้าหมายใหม่ ด้วยวิธีใหม่ และคู่ค้ารายใหม่


เริ่มต้นกันด้วยวิธีใหม่ของ Sanook จากเดิมที่เป็นแหล่งรวมข่าว อนาคต Sanook จะมีบริการของตัวเองมากขึ้น ตั้งแต่ข่าวที่เขียนเอง เปิดเซคชันใหม่เพื่อตอบสนองกับกระแส รวมถึงบริการใหม่ๆ ซึ่งส่วนที่เน้นตอนนี้มี 4 กลุ่มใหญ่ๆ ดังนี้
ส่วนคอนเทนต์ ทั้งเนื้อหาแบบเดิม และเนื้อหาแบบใหม่ (Sanook เรียกตรงนี้ว่าเพลย์) รวมถึงข่าวภาษาต่างประเทศที่จะเริ่มในเดือนกันยายนนี้
บริการแบบเรียลไทม์ ทั้งเกาะติดกระแส รายงานสด และทีวีที่เพิ่งเพิ่มเข้ามา
WeChat แอพแชทจาก Tencent ที่ทุ่มโปรโมตในปัจจุบัน
บริการใหม่ๆ และแอพ เช่น Trendzap เว็บไซต์รวมร้านอาหารที่อนาคตจะมีบริการจองร้านอาหารเข้ามา


กลุ่มผู้ใช้ใหม่ที่ Sanook เล็งอยู่ในตอนนี้คือนักเรียน นักศึกษาก่อนวัยทำงาน วิธีที่ใช้คือการเปิดเซคชันมหาวิทยาลัย (Campus) ที่รวมไลฟ์สไตล์ในรั้วมหาวิทยาลัย แหล่งบันเทิงที่วัยรุ่นสนใจอย่างเดอะสตาร์ จากการจับมือกับแกรมมี่ และอคาเดมี่ แฟนตาเซีย จากการจับมือกับทรู ซึ่งการหาพาร์ทเนอร์รายใหม่ๆ ก็เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์สำคัญของ Sanook เช่นกัน


ในทางธุรกิจเอง การทำเงินจากเนื้อหาเหล่านี้ยังต้องมาจากโฆษณาดังเดิม แต่บริการใหม่อย่าง Trendzap ก็หวังว่าจะสามารถทำเงินจากการจองร้านอาหารได้ (แม้ว่าจะไม่ใช่เร็วๆ นี้ก็ตาม) ส่วนทางฝั่ง WeChat จะเน้นไปที่ Official Account และเกมเป็นส่วนใหญ่ โดยมีรายได้จากสติ๊กเกอร์บ้าง แต่ไม่ใช่ส่วนที่หวังมาก


คู่แข่งของ Sanook


จากแรงสนับสนุนของ Tencent และแนวทางเปลี่ยนบริษัทไปสู่บริษัทเทคโนโลยี ทำให้คู่แข่งของ Sanook เปลี่ยนไปอย่างมาก จากเดิมที่เป็นเว็บไซต์ท่าขนาดใกล้เคียงกันในประเทศ ก็จะกลายเป็นบริษัทเทคโนโลยีในระดับนานาชาติแทน


ระหว่างสัมภาษณ์เราได้ถามถึงการที่ Sanook จะก้าวไปเป็นคู่แข่งกับเว็บไซต์ระดับโลกอย่างเฟซบุ๊ก หรือกูเกิล แต่คุณกฤตธีบอกว่าด้วยขนาดของ Sanook ในตอนนี้แม้จะใหญ่จนไม่อาจเรียกว่าเว็บไซต์ท้องถิ่นได้แล้ว แต่ก็ยังไม่ใหญ่จนถึงระดับโลกเช่นกัน การจะเป็นคู่แข่งกับยักษ์ไอทีอย่างเฟซบุ๊กหรือกูเกิลจึงเป็นเรื่องไกลตัว เกินไป (ถ้าถามในมุมของ Tencent อาจจะใช่)


แนวทางที่ Sanook เลือกมาใช้กับสองยักษ์ใหญ่ที่ถูกมองว่าดึงผู้ใช้ออกไป คือการดึงผู้ใช้กลับมาเสียมากกว่า โดยเฉพาะในส่วนของเฟซบุ๊ก ส่วนฝั่งกูเกิลเองถึงจะทำให้ยอดคนเข้าหน้าแรกตกลงไป แต่ก็ทำให้มีผู้ใช้เข้ามาในหน้าอื่นมากขึ้นเช่นกัน แม้จะขัดกับแนวคิดเดิม (ที่ว่าหน้าแรกสำคัญสุด) แต่มองในแง่ของการลงโฆษณาแล้วนับว่าดีขึ้น และเป็นสิ่งที่ Sanook ต้องปรับตัวต่อไป


นอกจากสองยักษ์ใหญ่ที่ว่า ยังมีบริการยิบย่อยของ Sanook ที่มีคู่แข่งทั้งภายใน และนอกประเทศอยู่พอสมควร แต่ทาง Sanook เองก็ยังมีจุดแข็งอยู่ทั้งในแง่ของแบรนด์ และเรื่องของภาษาที่ทำให้บริการจากต่างประเทศเจาะมาไม่เข้า





ทิศทางของ WeChat ในประเทศไทย


เกริ่นคร่าวๆ ก่อนว่า WeChat เป็นบริการแชทจาก Tencent ที่หลายคนน่าจะเห็นจากในโฆษณาทั้งออฟไลน์ และออนไลน์กันไปแล้ว โดยในประเทศไทย Sanook ได้รับมอบหมายให้ดูแลทางด้านธุรกิจของ WeChat โดยตรง


ผู้ใช้ WeChat ในประเทศตอนนี้เพิ่มขึ้นมาก แม้จะยังเป็นเบอร์สองรองจาก LINE แต่ทาง Sanook เชื่อว่าตลาดตรงนี้จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีประเทศข้างเคียงที่ WeChat ได้รับความนิยมอยู่มาก ในตลาดโลกก็มีสเปน อิตาลี และแอฟริกาใต้ที่มาเป็นเบอร์หนึ่งแบบทิ้งขาด นอกนั้นก็อยู่ในอันดับ 1-3 ยอดรวมในตลาดโลก (แบบไม่นับจีน) ก็อยู่ในอันดับที่สอง


สำหรับในประเทศไทย ทาง Sanook ไม่สามารถเปิดเผยจำนวนตัวเลขผู้ใช้ได้ บอกเพียงแค่ว่านับตั้งแต่แคมเปญแรกของ WeChat ในไทย (เดอะสตาร์) ก็มีผู้ใช้เพิ่มขึ้น 400% และเพิ่มขึ้นอีก 60% หลังจากมีโฆษณา Messi ดูจากพรีเซนเตอร์แล้วก็น่าจะเดาไม่ยากว่า WeChat จะเน้นจับกลุ่มผู้ใช้ระดับกลาง-ล่างเสียมากกว่า


การเพิ่มจำนวนผู้ใช้ว่ายากแล้ว การทำให้ผู้ใช้อยู่กับเรายิ่งยากกว่า แนวทางของ WeChat คือเนื้อหาพิเศษจำพวกเกม สติ๊กเกอร์ อีโมติคอน (ซึ่งมีแบบขายแล้ว) และบริการเสริมจาก Official Account ซึ่งเป็นจุดเด่นมาตั้งแต่สมัยเปิดตัวบริการแล้ว


จุดเด่นของ Official Account บน WeChat คือการเป็นมากกว่าแค่ช่องทางสำหรับกระจายข่าวสารแบรนด์ แต่สามารถตอบโต้กับผู้ใช้ได้ด้วย ในไทยเองสามารถสั่งน้ำดื่มช้างได้จาก WeChat แล้ว ในอนาคตจะมีบริการอื่นเข้ามาอีก อันที่ยกตัวอย่างมาแล้วน่าสนใจก็มีธนาคารในจีน ให้ผู้ใช้ WeChat สามารถตรวจสอบข้อมูลบัญชีได้ ที่สำคัญกว่านั้นคือบริการบน WeChat สำหรับแบรนด์นั้นฟรีเกือบทุกอย่างตั้งแต่ สติ๊กเกอร์ ตัวบัญชี และบริการที่ผูกไว้ จะมีค่าใช้จ่ายก็เฉพาะที่แบรนด์ต้องให้ทาง Sanook เข้าไปช่วยจัดการ หรือช่วยพัฒนาเท่านั้น


จากการเข้าไปคุยกับ Sanook ครั้งนี้ ต้องยอมรับเป็นงานหนัก แต่น่าสนใจจริงๆ สำหรับการเปลี่ยน Sanook ให้กลายเป็นบริษัทเทคโนโลยี ที่ยังไม่มีบริษัทไทยโดดเด่นมากนัก คงต้องจับตาดูกันต่อไปว่า Sanook จะปล่อยของออกมาได้มากแค่ไหนครับ


ที่มา Blognone July 29th, 2013

วันอังคารที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

New Google Map เปิดทดลองให้ใช้แล้ววันนี้ !!

New Google Maps (on Web app)ได้มาพร้อมกับการออกแบบใหม่ทั้งหมด พร้อมเปิดให้ทุกคนพร้อมใช้เเล้ว ..ซึ่งไม่จำเป็นต้องมีอีเมลยืนยันตัวก่อนจะทำการใช้แต่อย่างไร...
Google Maps เวอร์ชันบนเว็ปไซต์ (อย่าสับสนว่าคือแอพฯในสมาร์ทโฟน) ได้มีการปรับอัพเดตเวอร์ชันใหม่เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เราสามารถเข้าไปยัง URL : maps.google.com โดยหน้า Google Maps ด้านซ้ายมือจะมีปุ่มสีฟ้าบอกว่า " Try now " หรือ ลองเล่นได้เดี๋ยวนี้ ตอนนี้เราสามารถเข้าไปเเล้วทำการทดลองเล่นได้เเล้ว หรือจะเข้าไปโดยตรงได้เลยที่ google.com/maps/preview.

New Google Maps ได้มีการปรับเปลี่ยน User Interface และ Effect ต่างๆ ให้มีความสมบูรณ์มากขึ้น แต่ผู้ใช้ที่เคยชินกับ Google Maps เวอร์ชันเดิม อาจจะไม่ค่อยชินกับ การควบคุม navigator แบบใหม่นัก อย่างไรก็ตาม New Google Maps เปรียบเสมือเวอร์ชัน Beta ที่ให้ผู้ใช้ทำการทดลอง เพื่อตอบรับ Feedback และนำไปปรับปรุงต่อไป



โดย Hopp เมื่อ : [Thu] - 18/07/2013 16:26:49

วันเสาร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

อีกแล้ว พบช่องโหว่ Java 7 ที่เกิดจากโค้ดของฟีเจอร์ใหม่ใน Java 7

July 21st, 2013 

Java
นักวิจัยด้านความปลอดภัยจากบริษัท Security Explorations ค้นพบช่องโหว่ใหม่ของ Java 7 (มีผลกระทบกับ Java SE 7 Update 25 ซึ่งเป็นตัวล่าสุดด้วย)
ปัญหาอยู่ที่ส่วนของ Reflection API ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามาใน Java 7 แต่กลับเป็นต้นเหตุของรูโหว่ใน Java เป็นจำนวนมาก ช่องโหว่นี้เป็นเรื่องของ data type ที่ต่างกันระหว่าง integer/pointer ซึ่ง Security Explorations บอกว่าเปิดให้ถูกโจมตีแบบง่ายๆ ซึ่งไม่ควรเกิดขึ้นแล้วในยุคนี้
Security Explorations จึงตั้งคำถามกับกระบวนการด้านตรวจสอบความปลอดภัยของออราเคิลว่ามี ประสิทธิภาพมากเพียงใด เพราะปัญหารูโหว่ใน Java ช่วงหลังมาจากโค้ดใหม่ๆ ที่เพิ่มเข้ามาในเวอร์ชันหลังๆ นั่นเอง
รายละเอียดของช่องโหว่ถูกส่งให้กับออราเคิลแล้ว ที่เหลือก็รอแพตช์กันต่อไปครับ
ที่มา -Blognone Infoworld

วันพุธที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

อนาคต Smart Watch กับแบตยืดหยุ่น


[เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th] Smart Watch อุปกรณ์สวมใส่ที่แฝงมากับเทคโนโลยีเสมือนคอมพิวเตอร์ขนาดจิ๋วกำลังจะก้าวมามีบทบาทในชีวิตประจำวันไม่ต่างจากมือถือและแท็บเล็ต ซึ่งเริ่มมีการส่งสัญญาณจากบริษัทชั้นนำถึงการออกสู่ตลาดอย่างเร็วที่สุดในปี 2014 Smart Watch ที่น่าจับตามองมากที่สุดเห็นจะเป็น iWatch จาก Apple ที่นอกจากจะเป็นนาฬิกาข้อมือสุดล้ำแล้วยังเป็นอุปกรณ์ที่พกความยืดหยุ่นมาด้วยเช่นกัน
แบตเตอรี่บนมือถือหรือจะเป็น Smart Watch อย่าง Pebble ล้วนมีลักษณะที่เป็นของแข็งและมีข้อจำกัดเรื่องดีไซน์ ฉะนั้นมันจึงเป็นเรื่องท้าทายสำหรับผู้ผลิต Smart Watch ที่หากหวังจะให้นาฬิกาไฮเทคของคุณมีความโค้งมนได้ล่ะก็ การทำแบตเตอรี่ให้มีความยืดหยุ่นก็ถือเป็นงานยากอยู่พอสมควร อย่างที่เราเคยได้ยินข่าวมาว่า Apple กำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนา iWatch โดยสิทธิบัตรของอุปกรณ์ชนิดนี้ครอบคลุมถึงแบตเตอรี่ที่ผสมผสานเทคโนโลยีความยืดหยุ่นรวมอยู่ด้วย เมื่อเห็นเช่นนี้จึงมีคำถามว่าแบตเตอรี่สามารถทำให้ยืดหยุ่นได้จริงหรือ?

จากคำถามที่หลายคนสงสัย นาย Sascha Pallenberg จึงได้จัดแจงนำเสนอผลงานผ่านคลิปวีดีโออันเป็นแบตเตอรี่ที่ผสมผสานเทคโนโลยีความยืดหยุ่น โค้งงอได้ ที่จะรวมเข้าไปกับแก็ดเจ็ตรุ่นใหม่ๆที่กำลังจะมาถึงในอนาคตอันใกล้นี้ ในการอวดโฉมเทคโนโลยีครั้งนี้แบตเตอรี่มีหลายขนาดทั้งสำหรับ New MacBook Air, โทรศัพท์มือถือ ตลอดจน Smart Watch จอโค้งได้ อีกคุณสมบัติของแบตเตอรี่ยืดหยุ่นนี้สามารถตัด เจาะ ได้โดยไม่เป็นอันตรายและไม่ทำให้อุปกรณ์ทดลองดับลงไปด้วย
ความน่าทึ่งจากแบตเตอรี่ยืดหยุ่นนี้ยังคงต้องได้รับการทดสอบอีกมากจนกว่าจะแน่ใจได้ถึงคุณภาพและความปลอดภัย แต่ก็นับว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีสำหรับแก็ดเจ็ตที่มีรูปร่างโค้งมนในอนาคตทั้งหลายที่จะไม่ต้องกังวลถึงเรื่องแบตเตอรี่อีกต่อไป (ชมคลิปได้ท้ายข่าวครับ)

ชมคลิปได้ที่นี่ค่ะ
http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=z9QWD0haXtU

โดย chutchawal - 17 กรกฎาคม 2556 เวลา 14:03 น.

วันจันทร์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ลุยทุกเส้นทางในไทยพร้อมไปกับ Google Maps 7.0 !!

วันนี้ทาง Google Maps บน Android ได้ออกอัพเดตเป็นเวอร์ชัน 7.0 เเล้วครับ เเละที่น่าดีใจคือ Google Maps Navigation ใช้ในไทยได้แล้ว !!!
Google Maps บน Android ได้อัพเดตเป็นเวอร์ชัน 7.0 เรียบร้อยเเล้ว สิ่งที่สังเกตได้ถึงการเปลี่ยนแปลง คือ User Interface แบบใหม่ มีการหน้าแผนที่ให้เป็นแบบเดียวกับบน iOS (ที่ปล่อยไปตอนเดือนธันวาคมปีที่แล้ว) และเพิ่มความสามารถในการค้นหารายละเอียดบนแผนที่ให้แม่นยำมากขึ้น และ นอกจากนี้ ลักษณะ UI โดยรวมบนแท็บเล็ต จะเหมือนกับ Google Maps บนเว็บไซต์

ด้านการใช้งาน จะมีการเพิ่มฟีเจอร์ในการค้นหาสถานที่ตามหัวข้อที่กำหนดเข้ามาเพิ่มเติม เช่นการค้นหาร้านอาหารที่น่าสนใจและมีดีลเข้ามา (อิงข้อมูลจาก Google Offer) หรือค้นหาโรงแรมที่ใกล้ที่สุดแถวนั้นเป็นต้น นอกจากนี้ส่วนที่ได้รับการปรับปรุงอื่นๆ จะมีในเรื่องของการนำทาง และการเพิ่มรายละเอียดข้อมูลของแต่ละสถานที่ ที่อิงข้อมูลเพิ่มเติมจาก Zagat และ Google Offer ครับ
สิ่งที่น่าเสียดายก็คือในเวอร์ชันนี้ กูเกิลถอดฟีเจอร์ Google Latitude, Google Maps Check-ins และ การดูแผนที่แบบออฟไลน์ ออกไปแล้ว โดยกรณีของ Google Maps Check-ins จะกลับมาให้ใช้งานใน Google+ แทนโดยจะอัพเดตความสามารถเข้ามาในอัพเดตของ Google+ เร็วๆ นี้

อีกหนึ่งข่าวที่น่ายินดีสำหรับประเทศไทยครับ คือ ..Google Maps Navigation หรือการนำทางแบบ Turn-by-Turn สามารถใช้ในไทยได้เเล้วนะครับ เราสามารถใช้ได้ในแอพ Google Maps ทั้งบน iOS และ Android

ปล. Google Maps Navigation นำทางเป็นเสียงภาษาไทยได้ด้วย(ทั้งนี้เพื่อนๆต้องเปลี่ยนตัวเครื่องเป็นการใช้งานภาษาไทยก่อนนะครับ) ไม่เชื่อลองโหลดมาใช้กันครับ
 
โดย Hopp เมื่อ : [Thu] - 11/07/2013 01:30:31

วันจันทร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

Facebook มีไอเดียที่จะเป็นผู้ผลิตเกมบนโทรศัพท์มือถืออีกด้วย

อีกไม่นาน Facebook อาจจะก้าวเข้าสู่ตลาดอุตสาหกรรมเกมบนมือถืออย่างเต็มตัว แทนที่การพัฒนาตัวเกมป้อนเข้าสู่ตลาดแต่เพียงอย่างเดียว ด้วยการทำหน้าที่เป็นผู้จัดจำหน่ายหรือช่องทางที่จะมีการนำเสนอความสามารถในการตลาดและบริการอื่นๆ ที่มีความเป็นอิสระต่อเหล่านักเดเวโหลปเปิร์เกม...
TecSpot เว็ปไซต์แหล่งข่าวกล่าวว่า รายงานดังกล่าวถูกเปิดเผยจาก TechCrunch เมื่อวานนี้ ซึ่งนอกจากจะมีการกล่าวถึงไอเดียการเข้าสู่ตลาดเกมของ Facebook แล้ว สื่อดังกล่าวยังได้เผยรายละเอียดเพิ่มเติมอีกด้วยว่า Facebook จะทำหน้าที่เป็นผู้จัดจำหน่ายและโปรโมทแอพพลิเคชั่นโดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นลูกค้าที่ใช้อุปกรณ์พกพา ซึ่งก็นับเป็นเรื่องที่น่าสนใจเพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา บริษัทได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความสำเร็จในอุตสาหกรรมโฆษณาบนมือถือ ด้วยรายได้ 373 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่รายได้ที่มาจากการซื้อสินค้าเสมือนภายในเกมทำได้เพียงแค่ 200 ล้านเหรียญสหรัฐเท่านั้น 

แต่อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการเป็นผู้จัดจำหน่ายเกมจะเป็นเรื่องที่สร้างกำไรงาม แต่ในทางกลับกัน Facebook ก็ต้องเจออุปสรรคหลายรายการ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือการที่ Facebook ต้องต่อสู้กับช่องการการจัดจำหน่ายที่สร้างขึ้นเองอย่าง Apple App Store และ Google Play ขณะที่อีกหนึ่งอุปสรรคที่น่ากังวลไม่แพ้กันก็คือ การที่ตัวผู้จัดจำหน่ายมีมูลค่ามากกว่านักพัฒนา ซึ่งจะแตกต่างจากจากคอนโซลเกมอย่าง Xbox, PlayStation หรือ PC เพราะตัวโมบายล์แอพนั้นสามารถที่จะเผยแพร่ด้วยตนเองได้อย่างง่าย ซึ่งถ้าตัวเกมทำได้ดี มันก็มักจะเกิดปัญหาตามมาในเรื่องของส่วนแบ่งต่างๆ

ถ้าหากข่าวลือนี้เป็นความจริงขึ้นมา ประกอบกับด้วยความเป็นผู้เชี่ยวชาญของบริษัทในโลกโซเชียลและการโฆษณาบนมือถือเป็นทุนเดิมอยู่เเล้ว ไม่แน่ว่าอาจจะทำให้นักพัฒนาเกมทั้งหลาย หันเหที่จะเเห่กันมาร่วมกิจการนี้ด้วยก็เป็นได้

โดย Hopp เมื่อ : [Wed] - 03/07/2013 12:00:37

วันอังคารที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

IE11 รองรับ WebGL, MPEG DASH, ปรับปรุงระบบสัมผัส, เปิดได้ 100 แท็บต่อหน้าต่าง


Internet Explorerไมโครซอฟท์เผยฟีเจอร์อย่างละเอียดของ Internet Explorer 11 ที่มาพร้อมกับ 
Windows 8.1 (ยังไม่ชัดเจนว่า Windows รุ่นก่อนๆ จะได้อัพเกรดด้วยหรือไม่)
  • เปิด IE คู่กันในโหมดแบ่งจอ (split screen) ของ Windows 8.x ได้แล้ว
  • IE จะแยกแยะข้อความที่เป็นหมายเลขโทรศัพท์บนเว็บเพจได้ และกดโทรออกไปยัง Skype ได้เลย
  • ใช้ GPU ช่วยประมวลผลการสัมผัสหน้าจอของผู้ใช้ ช่วยให้รู้สึกว่าตอบสนองการสัมผัสดีขึ้น
  • แบ่งการประมวลผลรูปภาพไปยัง GPU ช่วยประหยัดแบตเตอรี่ และแสดงผลหน้าเพจได้เร็วขึ้น (เพราะซีพียูประมวลผลเพจอย่างเดียว ไม่ต้องประมวลผลภาพ)
  • เปิดแท็บได้สูงสุด 100 แท็บต่อหน้าต่าง แต่ละแท็บแยกโพรเซสกัน และเลือกเปิด tab bar ค้างไว้ได้
  • ปรับปรุงเรื่องการสัมผัสหน้าจอในหลายส่วน เช่น Favorite, hover-menu บนเว็บเพจ, เพิ่ม back/forward gesture
เว็บแอพที่ปักหมุดเป็น Live Tile สามารถแสดง notification ได้แล้ว ในตัวอย่างเป็นเว็บแอพที่โชว์ RSS
IE Web Apps Windows 8.1
รองรับ WebGL ตามอย่างเบราว์เซอร์อื่นๆ ตามข่าวที่เคยมีออกมาก่อนหน้านี้
IE11 WebGL
รองรับ MPEG DASH (ย่อมาจาก Dynamic Adaptive Streaming over HTTP) หรือการปรับคุณภาพของไฟล์
สตรีมมิ่งผ่านอินเทอร์เน็ต โดยไมโครซอฟท์ระบุว่าเมื่อใช้ร่วมกับเทคโนโลยีเข้ารหัส Web Crypto ของ W3C
จะช่วยให้เปิดบริการสตรีมมิ่งแบบมี right protection โดยไม่ต้องใช้ปลั๊กอินเลย (Netflix ออกบริการรุ่นทดสอบ
ที่ใช้เทคโนโลยีนี้แล้ว)
MPEG Dash
ทั้ง WebGL และ MPEG DASH ยังใช้ได้กับแอพ Metro ที่เขียนด้วย HTML5 ด้วย ในภาพเป็นแอพที่รัน
วิดีโอ MPEG DASH พร้อมกันหลายๆ วิดีโอ รวมถึงรันโมเดล WebGL ด้วย
P1012486
June 27th, 2013 
ที่มา – IEBlog

วันจันทร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

AMD เผยโปรเจคใหม่ "Hybrid Devices" ขุมพลังแห่งอนาคตที่จะมาเติมเต็มชีวิตแบบพกพา



นาย Kevin Lensing ผู้ดำรงตำแหน่ง AMD's Director of Mobility ได้ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์TrustedReviews เกี่ยวกับอนาคตของบริษัทในทิศทางใหม่ที่ไม่เหมือนเดิม ด้วยความที่ตลาดเดสท๊อปก็ขายไม่ดี หนำซ้ำทิศทางของโน๊ตบุ๊คก็กำลังเข้าใกล้จุดอิ่มตัวเข้าไปทุกที ทั้งหมดนี้จึงเป็นที่มาของโปรเจคใหม่ "Hybrid" 

โดยนาย Kevin Lensing ได้ให้คำจำกัดความของ Hybrid Devices ว่า "พวกเราคิดว่า Hybrid นั้นจะเป็นโน๊ตบุ๊คแห่งอนาคต" กับซีพียูรุ่นใหม่ของเราบนสถาปัตยกรรมแบบ SoC(system on chip) ทั้ง “Temash” และ “Kabini” ทั้งคู่จะเข้ามาตอบสนองความต้องการใหม่ๆ ลืมไปซะกับความเชื่องช้าในการบูตเข้าสู่ระบบ การพกพาที่มีขีดจำกัด รวมไปถึงการแสดงผลที่มีคุณภาพต่ำแบบที่เคยเจอมาบนระบบปฏิบัติการ Windows รวมไปถึง iOS และ Android(น่าจะหมายถึงการ์ดจอมีประสิทธิภาพกาก ทำให้แสดงผลภาพ วีดีโอ หรือเกมได้ไม่ลื่นไหลประมาณนั้นครับ)



“Temash” และ “Kabini” จะเข้ามาเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไปจากแท๊บเลตนั่นก็คือ "ความรวดเร็วในการทำงาน" แท๊บเลตของคุณจะแรงเทียบเท่ากับโน๊ตบุ๊ตที่เคยใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งก็เชื่อว่าเทคโนโลยี AMD’s Turbo Dock Technology จะทำให้แท๊บเลตของคุณกลายเป็น “console quality gaming บน mobile device” เลยทีเดียว

27 05 2013
cr:trustedreviews.com

วันอังคารที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2556

เครื่องพิมพ์ 3 มิติทำงานได้จริง

กลับมาพบกันอีกครั้งกับข่าวสารจากวงการไอที เรื่องของเทคโนโลยีที่ก้าวไกลไปเรื่อยๆ  จนบ้างครั้งก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเทคโนโลยีเหล่านั้นมันเกิดขึ้นได้จริงแล้วหรือเช่นเดียวกับในวันนี้ที่ผมจะขอนำเสนอเรื่องราวของสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วจริงๆ จากที่ก่อนหน้านี้หลายๆคนคงจะเคยใช้เครื่องพิมพ์ไม่ว่าจะเป็นพิมพ์ดีด หัวเข็ม เครื่องพิมพ์สี หรือว่าจะเป็นเลเซอร์ ล้วนแล้วแต่ได้ใช้งานกันมาทั้งนั้น แต่ว่าเครื่องพิมพ์ตัวนี้ท่านไม่เคยใช้อย่างแน่นอนมันคือ “เครื่องพิมพ์ 3 มิติ” นั่นเอง

พิมพ์ 3 มิติยังไงน่ะเหรอก็มันพิมพ์ออกมาเป็นชิ้นวัตถุเลยน่ะสิ อย่างเช่นที่เว็บไซต์ arip ได้นำเสนอข่าวนี้ไว้ว่าล่าสุดมีกลุ่มนักประดิษฐ์ที่เขาเรียกตัวเองว่า Defense Distributed ในรัฐเทกซัสของประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ทำการสร้าง ปืนพลาสติก จากเครื่องพิมพ์ 3 มิติขึ้น ด้วยวิธีการง่ายๆ เพียงแค่พิมพ์ชิ้นส่วนออกมาที่ละชิ้นแล้วนำมาประกอบกันเป็นตัวปืนและผลการทดสอบปืนดังกล่าวก็สามารถใช้งานได้จริงอีกด้วย
เครื่องพิมพ์ 3 มิติ
ความน่าทึ่งของเครื่องพิมพ์ 3 มิตินี้อยู่ตรงที่มันสามารพิมพ์สิ่งของเลียนแบบออกมาได้อย่างง่ายดาย แต่อย่างไรตามเรื่องนี้เป็นสิ่งที่สร้างความกังวลให้กับรัฐบาลสหรัฐเป็นอย่างมาก เนื่องการใช้เครื่องพิมพ์ 3 มิตินี้ในทางที่ผิด และมีการเผยแพร่วิธีการทำในอินเตอร์เน็ตด้วย ซึ่งปืนที่เป็นพลาสติกนั้น เครื่องสแกนหาสิ่งผิดปกติตามสถานที่ต่างๆจะไม่สามารถตรวจจับได้ อาจจะส่งผลในทางที่ไม่ดีเท่าไหร่ ซึ่งแน่นอนว่าเครื่องพิมพ์ 3 มิติ อาจจะถูกสหรัฐฯ แบนในเร็วๆนี้ก็เป็นได้
เครื่องพิมพ์ 3 มิตินี้นับเป็นสิ่งประดิษฐ์หรือนวัตกรรมในอนาคตที่มีความน่าสนใจเป็นอย่างมากเพราะถ้าหากเรานำมาใช้อย่างถูกวิธีจะสามารถสร้างประโยชน์ได้อย่างมหาศาลเลยทีเดียว ทั้งการพิมพ์ชิ้นส่วนรถยนต์ หรืออะไหล่ต่างๆ สิ่งของ สิ่งประดิษฐ์อื่นๆ ซึ่งน่าจะมีประโยชน์มากๆ ต่อคนเราในอนาคต
ตามข่าวแล้วก็ต้องมาคอยติดตามกันว่าเครื่องพิมพ์นี้จะมีการนำมาใช้งานจริงหรือไม่ หรือจะถูกสั่งแบนไม่ให้ผลิต หรืออาจจะถูกควบคุมอย่างเข้มงวดในการใช้งานก็เป็นได้ โดยส่วนตัวแล้วผมมองว่ามันมีประโยชน์มากๆต่อคนเราในอนคตอย่างแน่นอนครับ

พฤษภาคม 11, 2013 in ข่าวไอที by 

วันอังคารที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2556

มาตรฐานความละเอียดใหม่ที่คมชัดกว่าเดิมด้วย 4K Ultra HD


ในระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา เวลาเราจะซื้อหน้าจอแสดงผลสักตัวหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นโทรทัศน์หรือมอนิเตอร์นั้น สิ่งแรกๆ ที่เรามองหากันนั่นก็คือมีสัญลักษณ์ Full HD หรือไม่ กับความละเอียดที่เป็นมาตรฐานสูงสุดในตอนนั้นด้วยสัดส่วน 1,920 X 1,080p ที่จะแสดงภาพได้คมชัดทุกรายละเอียด แต่ในปี 2013 Full HD กำลังจะสละบัลลังก์มาตรฐานสูงสุดให้กับความละเอียดใหม่ในนาม Ultra HD หรือที่รู้จักกันสั้นๆ ว่า 4K กันแล้ว

ขนาดความละเอียดของ Ultra HD เมื่อเทียบกับความละเอียดมาตรฐานอื่นๆ ที่มา : wikipedia.org

Ultra HD (ขอเรียกชื่อนี้จะได้ติดปากกันนะครับ เพราะ 4K เป็นชื่อไม่เป็นทางการ) เป็นความละเอียดของจอแดงผลมาตรฐานใหม่ที่มีสัดส่วนอยู่ที่ 3,840 X 2,160 (8.3 ล้านพิกเซล) หรือจะกะง่ายๆ ก็คือการนำเอาหน้าจอ Full HD มาเรียงประกอบกัน 4 จอก็จะได้ความละเอียด Ultra HD ซึ่งเริ่มมีการผลิตเป็นโทรทัศน์ออกมาในช่วงปลายปี 2012 จากค่าย LG และ Sony ที่จำหน่ายกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่เพียงจะมาเปิดตัวเป็นจริงเป็นจังครบทุกค่ายในปี 2013 จากงาน CES 2013 นี้เอง โดยการขยายความละเอียดออกไปในครั้งนี้ทำให้สามารถสร้างหน้าจอที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเป็นระดับ 84 นิ้ว ถึง 110 นิ้วโดยที่ยังคงความละเอียดคมชัดสมจริง เพราะถ้าหากหน้าจอขนาดใหญ่แต่ยังใช้ Full HD อยู่จะมีผลทำให้ภาพคมชัดน้อยลงจากเม็ดพิกเซลแต่ใหญ่ขึ้นเพื่อรับหน้าจอนั่นเอง

Samsung Smart TV S9000 ขนาด 84 นิ้วความละเอียด Ultra HD ที่มา : www.itworld.co.kr

ด้วยมาตรฐานนี้ กล้องวิดีโอสำหรับถ่ายทำภาพยนตร์ความละเอียด Ultra HD จึงเปิดตัวออกมาอย่างรวดเร็วตามกัน รวมทั้งสถานีโทรทัศน์ของเกาหลีใต้ KBS ก็เริ่มทดสอบการออกอากาศด้วยความละเอียด Ultra HD แล้ว (เมืองไทยยังอนาล็อกบ้านๆ อยู่เลยให้ตายสิ!) ใครฝันว่าจะได้เห็นสิวเสี้ยวของสาวๆ วง SNSD ก็คงจะได้เห็นกันในทีวีช่องนี้ล่ะครับ แต่ด้วยความเป็นเทคโนโลยีใหม่ และต้นทุนการผลิตสูง ทำให้ทีวีขนาด Ultra HD นั้นมีราคาเกินแสนทุกรุ่น!(เปิดตัวออกมาเป็นหน้าจอ 84 นิ้ว ส่วนหน้าจอ 55 นิ้วลงไปยังไม่มีการกล่าวถึงราคามากนัก) อาจจะต้องใช้เวลาอีกพัก 2-3 ปีกว่า Ultra HD จะเข้ามาแทน Full HD ได้อย่างสมบูรณ์

LG 3D Smart TV 84LM9600ขนาด 84 นิ้วที่วางจำหน่ายไปตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว

credit : monavista.com